คลินิกทำฟันควรทำเว็บหรือไม่ ตอบด้วยรายงาน SEO ปี 2024

ลองส่องเวทีของธุรกิจทันตกรรมในไทย

ธุรกิจคลินิกทันตกรรมหรือคลินิกหมอฟันของไทยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้นำมาซึ่งการแข่งขันที่สูงขึ้นแบบสุด ๆ คลินิกจำนวนมากจึงเริ่มแข่งกันลด แลก แจก แถมเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยหวังจะปิดการขายในบริการที่ทำกำไรสูงกว่าอย่างการจัดฟันในภายหลัง กลยุทธ์นี้อาจจะดูน่าสนใจในตอนแรกนะครับ แต่จะส่งผลเสียต่อกำไรและความยั่งยืนของคลินิกในระยะยาว ทำไมเราถึงทราบน่ะหรอครับ? นอกจากเราศึกษาธุรกิจเพิ่มเติมแล้ว คนในทีมของเราก็อยู่กับคลินิกทันตกรรมของที่บ้านมาทั้งชีวิตครับ!

น่าแปลกที่หลายคลินิกในไทยยังมองข้ามโอกาสทางการตลาดออนไลน์ช่องทางหนึ่ง นั่นคือการสร้างตัวตนที่โดดเด่นบนโลกออนไลน์ด้วยเว็บไซต์ เราไม่ได้มาพูดถึงโซเชียลมีเดียในวันนี้ แต่เป็นกลยุทธ์ SEO (การทำอันดับบนหน้า Google) ที่เหมาะสมและเว็บไซต์ที่ออกแบบมาอย่างดีจน Google มองว่าต้องเอาไปติดหน้าแรก หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราบอกได้เลยว่าคลินิกก็จะพลาดโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้า (คนไข้) จำนวนมากที่พึ่งพา Search Engine อย่าง Google ในการหาคลินิกทำฟันที่ไว้ใจได้หรือในบริเวณใกล้เคียงครับ ซึ่งหลายคลินิกยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้และนำมาสู่รายงานที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ครับ

จากผู้เขียน: เพจ Facebook ก็มีติดอันดับ Google บ้างแหละ แต่ว่าออพชั่นในการปรับแต่ง SEO แทบไม่มีครับ การที่เพจติดหน้าแรกเลยเป็นอะไรที่คุณควบคุมไม่ได้เลย จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องทำเว็บไซต์

เรามาหาข้อสรุปผ่าน Data โดยไม่ต้องเถียงกันครับว่า ธุรกิจคลินิกทันตกรรมกำลังล้นตลาดจริงหรือไม่ ยังมีโอกาสอะไรในการแข่งขันที่สูงอย่างนี้บ้าง และ SEO ที่เขาพูด ๆ กัน มันจะดีอย่างที่ว่าจริงหรอ? ในเมื่อทุกคนก็ไสโซเชียลมีเดียกันทั้งวันแล้ว

Report นี้เราจะมาเจาะลึก SEO คลินิกทันตกรรมในด้าน:

• ปริมาณการค้นหาต่อรายเดือนในแต่ละปีตั้งแต่ปี 2563-2566 (2020-2023)
• การเติบโตของการค้นหาบน Google ในช่วงที่ผ่านมา
• เปลี่ยนตัวเลขเหล่านี้ให้เห็นภาพว่า SEO จะดึงดูดลูกค้าให้คลินิกได้อย่างไร
• จากข้อมูลสู่การปฏิบัติ: เว็บดีไซน์และ SEO

การเติบโตบน Google: Data บอกอะไรเราบ้าง

เราได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ Google Keyword Planner ค้นข้อมูลคำหลักที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 234 Keywords เพื่อหาว่าคนเสิร์ช Google เป็นจำนวนขนาดไหนต่อเดือน (โดยจากทั้งหมดนี้ มีคำแบบระบุพื้นที่อยู่ประมาณ 18% ครับ) สิ่งที่พบก็คือ

• ปริมาณการค้นหาที่สูงเลยทีเดียว: การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการทำฟันหรือคลินิกทำฟันเพิ่มขึ้นถึง 39.95% ตั้งแต่ปี 2020 ชี้ให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการไปพร้อมกับปริมาณคลินิกทันตกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยตัวเลขล่าสุด ณ เดือนมกราคม 2024 มีปริมาณการค้นหาต่อเดือนอยู่ที่ 463,190 ครั้ง
• การเติบโตอย่างต่อเนื่อง: อัตราการเติบโตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบแบบ Year-on-Year Change อยู่ที่ 8%/15% ต่อปีเลยครับ แม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอลงในปีก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังเป็นอัตราที่สูงอยู่เพราะตัวเลขการค้นหาในปัจจุบันก็เกือบครึ่งแสนต่อเดือนเลยทีเดียว (อาจมากกว่านั้นหากมี Keyword เด็ด ๆ ที่เราไม่ได้ใส่เข้ามาในรายงานด้วยครับ)

หากคุณเป็นสาย Data นี่คือตัวเลขการค้นหาใน Google เฉลี่ย/เดือนในแต่ละปี:

การเปลี่ยนแปลงแบบปีต่อปี (Year-on-Year Change):

อย่างที่เห็นครับ การมีเว็บไซต์ที่ดีควบคู่กับแคมเปญ SEO ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คลินิกทันตกรรมของคุณเข้าถึงกลุ่มผู้คนหาและพร้อมใช้บริการคลินิกที่น่าเชื่อถือที่มีจำนวนมหาศาลแบบนี้ได้ หากตัวเลขการเติบโตของ SEO นี้ยังไม่เห็นภาพ งั้นลองเปลี่ยนมาเป็นจำนวนลูกค้ากันไหมครับ?

ลองมโนให้เห็นภาพ: เปลี่ยนการค้นหาให้เป็นลูกค้า

การหาข้อมูล Benchmark หรือเกณฑ์มาตรฐานของ SEO โดยตรงที่มีการเปิดเผยในอินเทอร์เน็ตและเจาะจงแต่ละธุรกิจอาจจะยากหน่อยครับ เราเลยขออ้างอิงจากรายงาน ‘2023 Google Ads Benchmarks‘ ของ LocaliQ (จากผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 17,000 คนในหลากหลายประเภทธุรกิจ) เพื่อนำมาอ้างอิงแบบคร่าว ๆ ว่าเจ้า Data ที่เราหามีนี้มีโอกาสแปลงเป็นลูกค้าได้เท่าไหร่โดยเราจะเจาะจงข้อมูลของธุรกิจคลินิกทันตกรรมนะครับ

งั้นเราสมมติว่า:

• คลินิกของคุณสามารถติดอันดับที่มีคนเห็น 1/10 ของการแสดงผลจากการค้นหาทั้งหมด 463,190 ครั้ง/เดือน (ถ้า SEO คุณติดอันดับเยอะย่อมมากกว่านี้ครับ เราสมมติแบบน้อย ๆ เลยแล้วกัน) เท่ากับมีคนเห็นเว็บคุณใน Google 46,319 ครั้ง
• อัตราการคลิกเข้ามาดู (CTR) เว็บไซต์ของคลินิกทำฟันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.34% (จากรายงานของ LocaliQ) เท่ากับมีคนคลิก 2,437 ครั้ง
• คลินิกทันตกรรมมีอัตราการเปลี่ยนคนเข้าชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate) ตามมาตรฐานอยู่ที่ 10.4% (อ้างอิงจากรายงานเช่นกัน)

จากสมมติฐานนี้ คลินิกของคุณมีโอกาสได้ลูกค้าใหม่อย่างน้อย 241 คนต่อเดือน ผ่าน SEO เพียงอย่างเดียว (ตัวเลขอาจมากกว่ารายงานเพราะว่า SEO โดยทั่วไปมีอัตรา CTR และ CR ที่สูงกว่า Google Ads ครับ) เชื่อว่าเจ้าของคลินิกเริ่มเห็นตัวเลขรายรับลอยเข้ามาในหัวอัตโนมัติเลยใช่ไหมครับ แต่ต้องแจ้งเพิ่มเติมว่า รายงานนี้ก็ยังมีสิ่งที่จำกัดบางอย่างที่อาจไม่ตรงตามที่ว่ามาเป๊ะ ๆ ครับ

ข้อจำกัดที่ต้องคำนึงถึง

แม้ว่าตัวเลขจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าสนใจ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ครับว่าผลลัพธ์จริงที่คลินิกแต่ละแห่งทำได้ตอนลงสนามทำการตลาดจริง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการครับ:

• อันดับใน SEO: ยิ่งอันดับใน Google สูงและมีจำนวนมากก็ย่อมมีโอกาสที่คนจะเห็นมากขึ้น และมีโอกาสดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าตัวเลขที่บอก
• ทำเลที่ตั้ง: รูปแบบการค้นหาและการแข่งขันจะแตกต่างกันไปตามภูมิพื้นที่ต่าง ๆ ครับ เขตเมืองย่อมมีคนหามากกว่าพื้นที่ไกล ๆ
• รูปแบบของคลินิกและบริการ: ประเภทของบริการทันตกรรมที่นำเสนอ และแนวทางการดำเนินธุรกิจโดยรวม จะมีผลต่อโอกาสในการดึงดูดลูกค้า ฉะนั้นจุดแข็งของคลินิกต้องหาให้ได้ ชัดเจน และลูกค้ารับรู้ครับ
• การสร้างแบรนด์: แบรนด์ที่แข็งแรงและมีจุดยืนที่ชัดเจนจะเพิ่มการแสดงผลบนโลกออนไลน์และดึงดูดฐานลูกค้าที่คาดหวังได้ดีกว่าครับ ยิ่งในธุรกิจสายสุขภาพ ความน่าเชื่อถือและความไว้ใจในผู้รักษายังเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งอยู่ครับในระยะยาว
• กลยุทธ์ทางการตลาด: SEO ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อผสานรวมกับกลยุทธ์การตลาดช่องทางอื่น ๆ ที่ดี รวมถึงการวางแผนคอนเทนต์ที่มีคุณค่าต่อคนอ่านจริง ๆ ก็ยั่งยืนกว่าในระยะยาว

ขั้นตอนต่อไป: SEO สำหรับคลินิกของคุณ

แนวทางที่เราเสนอแนะต่อไปนี้เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ทำ SEO ครับว่าเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการติดหน้าแรก Google และ Search Engine อื่น ๆ

1. ลงทุนกับเว็บดีไซน์ระดับมืออาชีพ: เว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ดึงดูดสายตา และออกแบบมาโดยคำนึงถึง SEO คือรากฐานที่สำคัญสำหรับการตลาดบนโลกออนไลน์ เรียกว่าควรมีเว็บที่ดีเป็นหน้าบ้านของทุกธุรกิจครับ และคุณก็เห็นจากตัวเลขแล้วว่า คนยังเข้าเว็บไซต์อยู่จริง ๆ (ผลการค้นหาใน Google ส่วนใหญ่นั่นแหละคือเว็บไซต์)
2. ให้ความสำคัญกับการทำ Keyword Research: ทำความเข้าใจคำค้นหาที่ลูกค้าคุณมักใช้ Search Intent และปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ตรงกับคำเหล่านั้น (On Page Optimization)
3. สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า: ลงบทความ วิดีโอ และคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ สร้างความน่าเชื่อถือ และตอบข้อสงสัยของผู้ค้นหาได้ (ยึดหลัก E-E-A-T Factor ก็ง่ายดีครับ)
4. เน้น Local SEO: พลาดไม่ได้สำหรับคนที่คิดว่า คลินิกทำฟันคือธุรกิจแบบ Location-based ฉะนั้นการปรับแต่ง Google Business Profile ของคุณ และเน้นคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับพื้นที่ของคุณสำคัญสุด ๆ ครับ
5. สร้างความน่าเชื่อถือด้วย Backlinks: พยายามเขียนคอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อดึงดูดลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงในวงการมาช่วยเสริมอันดับบน Google

แล้วก้าวต่อไปของคลินิกทันตกรรมของคุณเป็นอย่างไร?

ตัวเลขจาก Keyword Planner บอกเราอย่างชัดเจนว่า มีกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ที่ค้นหาคลินิกทันตกรรมในไทยทุกเดือนและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ บน Google

ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอในปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่มันสะสมมาเรื่อย ๆ ทำให้ตัวเลขปัจจุบันยังสูงมาก เมื่อเราเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ อย่าง จำนวนประชากรที่ลดลงทุกวัน, แพลตฟอร์มเกิดใหม่มากขึ้นทำให้พฤติกรรมของคนใช้อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนไป และจำนวนคลินิกที่มีเยอะขึ้นแทบจะเท่าร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น นี่ยังไม่รวมคีย์เวิร์ดที่เราอาจพลาดไปในลิสต์ที่เราเอาไปหาใน Keyword Planner นะครับซึ่งอาจทำให้ปริมาณการค้นหาต่อเดือนสูงยิ่งขึ้นไปอีก

หากมีคนบอกว่า ช่องทางโซเชียลมีเดียคือทางรอด เว็บไซต์ไม่มีใครใช้แล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อคุณดูตัวเลขในรายงานนี้แล้วจะสามารถบอกตัวเองได้ว่า สิ่งที่ฟังมานั้นจริงหรือไม่? (ทางรอด)

Data ไม่เคยโกหกใคร

สิ่งสำคัญคือความเข้าใจในการทำ SEO, การมีหน้าบ้านที่ตอบโจทย์เป้าหมายนั้น และการวางแผนในทุก ๆ ด้านของคลินิกให้เดินไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในวันที่การแข่งขันลดราคาลงไปใกล้ 0 ขึ้นทุกวัน เราเชื่อว่าคลินิกทันตกรรมของคุณประสบความสำเร็จได้และขอให้แคมเปญราบรื่นและเติบโตแบบก้าวกระโดดนะครับ!

รับคู่มือ SEO ฟรี

หากคุณสนใจศึกษาทำความเข้าใจ SEO ละเอียดมากขึ้น เรามีคู่มือภาคปฏิบัติที่เต็มไปด้วยเทคนิคที่เราใช้งานจริงและเน้นสร้างความเข้าใจแถมยังฟรีอีกด้วยครับ! ถ้าสนใจ กรอกข้อมูลด้านล่างแล้วเราจะรีบส่งให้ทางอีเมลนะครับ

รับคู่มือทางอีเมล ฟรี