ถ้าคุณกำลังวางแผนสร้างเว็บไซต์บน WordPress แน่นอนว่าคุณคงคาดหวังอยากให้มันมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มแชร์โซเชียล ฟอร์มติดต่อ หรือการปรับแต่งอะไรสักหน่อยเพื่อให้เว็บไซต์โดดเด่น แต่เอาจริง ๆ แล้วฟีเจอร์หลาย ๆ อย่างที่ว่ามา เราต้องอาศัยการติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมซึ่งเว็บไซต์ WordPress มีปลั๊กอินให้เลือกใช้ราว ๆ 60,000 ปลั๊กอินใน WordPress Repository ยังไม่รวมปลั๊กอินที่ขายอยู่ข้างครับ
ที่แคร์ดิจิตัล เราก็รู้สึกตื่นเต้นพอ ๆ กับลูกค้าเลยครับเวลาที่เราช่วยทำให้เว็บไซต์ใหม่มีฟังค์ชั่นใช้งานที่ตอบโจทย์สิ่งที่บริษัทใช้อย่างลงตัว ทำให้เว็บไซต์ไม่ต่างอะไรจากการพัฒนาแอพของแบรนด์ตัวเองเลยครับ คราวนี้มันก็มีคำถามครับ ปลั๊กอินฟรีกับปลั๊กอินพรีเมี่ยมต่างกันอย่างไร?
ปลั๊กอิน WordPress คืออะไร?
หลายคนที่มีเว็บไซต์อยู่แล้วอาจคุ้นเคยกับคำว่าปลั๊กอิน แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ไม่รู้ เรามาทำความรู้จักกับคำว่า ปลั๊กอินกันก่อนดีกว่าครับ พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ คุณลองนึกถึงหุ่นยนต์ ปลั๊กอินคือชิปประมวลผลที่คุณใส่ไปในหุ่นแล้วทำให้หุ่นยนต์มีความสามารถเด็ด ๆ เพิ่มขึ้น ปลั๊กอินก็คือซอฟต์แวร์ที่เพิ่มความสามารถให้เว็บไซต์
นอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานของระบบเว็บไซต์อย่าง WordPress ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีฟีเจอร์หลักอย่างการเขียนบล็อคที่พร้อมใช้งานแบบครบ ๆ แต่ก็อาจมีความสามารถบางอย่างที่คุณต้องการจากเว็บไซต์
ข่าวดีคือ WordPress มีจุดแข็งเรื่องการรองรับการเพิ่มปลั๊กอินได้อย่างเต็มที่เพื่อตอบโจทย์การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามต้องการของแต่ละบริษัทซึ่งสุดท้ายก็เป็นปลั๊กอินนี่แหละครับที่จะมาช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสมบูรณ์แบบตามฝัน (โดยที่ไม่ต้องลงทุนจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้งแต่ศูนย์)
ปลั๊กอิน WordPress ฟรี ดีไหม?
หลายคนคงรู้สึกว่าปลั๊กอินฟรี มันจะดีหรือเปล่า บางอันก็อาจจะทำมาแค่ไว้ Upsell ขายของแพงหรือทำอะไรไม่ได้เลยก็มี แต่จากประสบการณ์ผมบอกได้เลยว่าดูจากรีวิวในรูปก็การันตีคุณภาพได้เยอะแล้วครับ เพราะเท่าที่เราสัมผัสมา ปลั๊กอินฟรีก็จัดเต็มมากด้านความสามารถ เพราะถ้ามันไม่ดีพอ คนก็ไม่อยากจ่ายตังใช้ตัว Pro ถูกไหมครับ? ข้อดีของปลั๊กอินฟรีก็มีดังนี้
- ไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตั้งฟรีใน WordPress ได้เลย
- มีชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่คอยช่วยเหลือกันในกรณีเกิดปัญหา
- มีการออกอัพเดทฟรีให้ทุกคนใช้อยู่เรื่อย ๆ
แต่ในทางกลับกัน ปลั๊กอินฟรีก็มีข้อด้อยอยู่บ้าง ดังนี้
- มีการจำกัดฟีเจอร์ ทำให้อาจต้องหาปลั๊กอินตัวอื่นมาติดเพิ่มจนกว่าจะครบที่ต้องการ
- มักมีปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่าปลั๊กอินเสียตังค์ เพราะไม่มีทุนในการพัฒนาต่อ
- ไม่มีทีมซัพพอร์ต หรือไม่ก็มีแบบจำกัด ถามไปก็ได้แค่ความหวังดี
ทำไมปลั๊กอินพรีเมี่ยมถึงคุ้มค่ากว่า?
เมื่อคุณใช้ฟรีจนสุดทางแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะเริ่มมองหาช่องทางการเสียเงิน (ฮ่า) ปลั๊กอินพรีเมี่ยมหลายตัวอาจดูราคาแพงแต่สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมามันคุ้มค่ามาก ๆ ถ้าคุณรู้ความต้องการของคุณและเจอตัวที่ใช่ บอกเลยว่าราคาเท่าไหร่ก็คุ้มกว่าการพัฒนาขึ้นมาจากศูนย์ครับ เพราะกว่าจะคืนทุนก็ใช้เวลานานกว่ามาก ปลั๊กอินพรีเมี่ยมมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้ครับ
- ฟีเจอร์ที่มากขึ้น ซับซ้อนขึ้น เทพขึ้น
- อัพเดทและแพตช์ด้านความปลอดภัยต่อเนื่อง นักพัฒนาคอยดูแลเว็บไซต์อยู่เป็นระยะ
- มีทีมซัพพอร์ตช่วยแก้ปัญหา คอยตอบคำถามลูกค้า ดูแลใกล้ชิดกว่า
ในขณะเดียวกันปลั๊กอินพรีเมี่ยมก็มีจุดด้อยที่พอจะให้คุณไตร่ตรองดีต่อไปนี้
- มีค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าดีกว่าเราต้องจ่ายเงินทำเองจากศูนย์
- เว็บของเราอาจพึ่งพานักพัฒนาของโปรแกรมมากเกินไป มีความเสี่ยงที่ผู้พัฒนาจะยุติการสนับสนุนทิ้งเราไป
โดยสรุปคือ ปลั๊กอินพรีเมี่ยมและฟรีนั้นต่างกันอย่างชัดเจนใน 4 จุด
- จำนวนฟีเจอร์ที่ได้ ปลั๊กอินฟรีมักจำกัดฟีเจอร์ไว้ให้ใช้ได้น้อยกว่า
- การดูแลจากซัพพอร์ตและอัพเดท เสียเงินแล้วก็ควรมีคนดูแลเราอย่างดี
- ด้านความปลอดภัยที่ปลั๊กอินเสียเงินอาจมีงบในการพัฒนาด้านความปลอดภัยรวมถึงการ Audit
- ความสามารถในการปรับแต่งเพิ่มเติม ซึ่งปลั๊กอินพรีเมียมมักดีกว่า
เว็บไซต์แบบไหนที่ใช้ปลั๊กอินฟรีไปได้อีกยาว?
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าปลั๊กอินฟรีไม่ดีเพราะสำหรับบางกรณีมันก็ตอบโจทย์เพียงพอแล้ว ด้วยเวทมนตร์แห่ง Open Source คุณรู้ไหมครับว่ามีปลั๊กอินคุณภาพดีอยู่จำนวนมหาศาลที่ปล่อยให้คุณใช้ฟรี (ถึงจะมีการจำกัดฟังก์ชั่นอยู่บ้าง) ซึ่งต้องบอกว่าไม่ต้องไปเสียเงินเลย หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์เหล่านี้
- เว็บไซต์ส่วนตัว เว็บบล็อกเล็ก ๆ ไม่เน้นเซอร์วิสลูกค้า ใช้ได้สบาย
- เมื่อมีงบประมาณค่อนข้างจำกัด การใช้ของฟรีแบบจำกัดการใช้งานก็เป็นเรื่องปกติ
- ปลั๊กอินฟรีตรงตามความฟังก์ชั่นที่ต้องการแล้ว
- ต้องการทดสอบฟีเจอร์ก่อนซื้อ ก็ลองกับปลั๊กอินฟรีไว้ก่อนก็ได้
เว็บไซต์แบบไหนที่ควรใช้ปลั๊กอินพรีเมี่ยม?
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นเว็บไซต์เพื่อธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพและการบริการลูกค้าชั้นเลิศจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องปลั๊กอินพรีเมี่ยมเข้ามาใช้เพราะฟังก์ชั่นเพิ่มเติมที่ได้รับการอัปเกรดมาจากปลั๊กอินฟรีหลายครั้งคือมีความจำเป็นกับการทำธุรกิจมาก เช่น ด้านการชำระเงิน, ฟังก์ชั่นเสริมเว็บไซต์ที่ทำให้แทบจะกลายเป็นแอพเลยทีเดียว หรือฟังก์ชั่นสำหรับการตลาดอย่าง SEO เป็นต้น
- เว็บไซต์ของแบรนด์ที่อยากได้ฟีเจอร์เสริม เช่น แบบฟอร์มฟังก์ชั่นระดับเทพ – Quiz ก็ได้ Survey ก็ดี หรือทำ Conditioning ได้ เป็นต้น
- เว็บที่ต้องการฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเช่น การไม่จำกัดจำนวนการสร้าง Post หรือการบันทึกลูกค้า เป็นต้น
- เว็บที่คำนึงถึงความปลอดภัยและประสบการณ์ลูกค้าเป็นหลัก เพราะการสนับสนุนให้ผู้พัฒนาอัปเดตตลอดก็เป็นตัวช่วยให้เว็บคุณปลอดภัย
คุณจะเลือกปลั๊กอินแบบไหนดี?
เราพูดถึงความต่างระหว่างปลั๊กอินฟรีและเสียเงินไปมาก ๆ แล้ว แต่สุดท้ายแล้วการเลือกใช้ปลั๊กอินก็ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวนะครับ มีหลายปัจจัยที่ต้องคิดให้ดี ดังนี้
- ประเมินความต้องการว่าจริง ๆแล้วเราอยากได้ฟีเจอร์อะไรเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ของเราบ้าง ลองคิดทั้งในด้านของการ Operate, Customer Service และ Sales ดูครับ
- อ่านรีวิวของปลั๊กอินนั้น ๆ ว่าคนใช้จริงรู้สึกยังไง ข้อดีข้อเสียคืออะไรก่อนจะจ่ายเงินก็ควรเช็คให้ดี ดีที่สุดคือไปสิงในคอมมูนิตี้ผู้ใช้ปลั๊กอินนั้นครับ หลายครั้งจะเจอนักพัฒนาที่บริการดีมาคอยรับฟังความเห็นของผู้ใช้ ซึ่งถ้าคุณเจอแบบนี้แล้วละก็ คุณได้เจอ The Winning Plugin แล้วล่ะครับ
- คิดถึงต้นทุนและผลประโยชน์ในระยะยาว บางครั้งจ่ายแพงหน่อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าก็คุ้มค่ากว่าในระยะยาว เช่น การลดต้นทุนงานบริหาร (Admin Task) หรือทำให้ Sale ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น เป็นต้น
ขอให้ทุกคนเลือกปลั๊กอินให้เหมาะกับเว็บไซต์ของตัวเอง สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะฟรีหรือพรีเมี่ยม อะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราและลูกค้าแล้วคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วครับ ส่วนอยากให้เราแนะนำปลั๊กอินตัวไหนก็แนะนำมาได้เพราะปกติเราก็จะมีเกณฑ์ในการคัดกรองปลั๊กอิน WordPress เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลูกค้าครับ